วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับเล็บ …


  • การตัดเล็บที่ถูกต้อง หากเป็นเล็บมือควรตัดให้มีความโค้งมนไปตามนิ้วมือ ส่วนเล็บเท้าต้องพยายามตัดให้เป็นเส้นตรงมากที่สุด เพื่อลดการสะสมขี้เล็บสกปรกตามซอกเล็บ และลดโอกาสการเกิดเล็บขบ แน่นอน ไม่ควรตัดสั้นจนชิดเนื้อมากเกินไป
  • การตัดหนังที่ด้านแข็งก็ต้องระวัง เพราะหากพลาดพลั้งเป็นแผล โอกาสติดเชื้อสูง ยิ่งคนที่มีโรคประจำตัว อย่าง เบาหวาน และไม่ควรใช้วัสดุใดๆ แงะงัดขอบเล็บ จมูกเล็บ เนื่องจากอาจเกิดบาดแผลและการอักเสบได้
  • ตะไบเล็บให้สวย ถ้าใช้ตะไบเล็บที่ทำจากเหล็ก ควรตะไบเล็บไปในทิศทางเดียว ไม่ควรถูกลับไปกลับมา เพราะจะทำให้เล็บเป็นเสี้ยนคมหรือฉีก แต่ถ้าใช้ตะไบเล็บที่ทำจากเซรามิคสามารถตะไบสวนทางกันได้ และควรตะไบจากขอบเล็บเข้าหาปลายเล็บเสมอ
  • การขูดผิวเล็บ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยกระตุ้น ให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวทำให้เล็บเงางามขึ้น ผิวเล็บเรียบ และดูมีสุขภาพดีขึ้น โดยใช้อุปกรณ์ขูดลอกหน้าเล็บ ดันจากปลายเล็บเข้าหาโคนเล็บ หลังจากนั้นใช้แผ่นขัดเล็บ ซึ่งคล้ายกระดาษทราย ขัดหน้าเล็บเบาๆ เพื่อให้ผิวหน้าเล็บเรียบสม่ำเสมอ แล้วใช้แผ่นขัดทำความสะอาดเล็บ ถูเบาๆ เพื่อให้ฝุ่นและเศษเล็บที่มองไม่เห็นหลุดออกไป จากนั้นใช้แผ่นขัดเงาซึ่งมีเจลาตินเคลือบอยู่ ขัดถูบนหน้าเล็บเบาๆ ก็จะได้เล็บที่เงางามดูมีสุขภาพดี การขัดเงาเล็บแต่ละครั้งจะอยู่ได้ประมาณ 2 สัปดาห์
  • การเปลี่ยนสีเล็บบ่อยๆ มากกว่าหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ทำให้ต้องล้างเล็บมากขึ้น และน้ำยาล้างทำความสะอาดเล็บ จะเป็นตัวกัดหน้าเล็บให้กร่อน เป็นหลุมเป็นขุยได้ ดังนั้นควรมีเวลาให้เล็บได้ว่างเว้นจากการทาสี เพราะนอกจากเล็บจะได้พักหรือฟื้นสภาพที่เสียไปแล้ว ยังเป็นโอกาสให้ได้สังเกตความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเล็บด้วย เช่นว่า เล็บเกิดจุดดำ หรือเปลี่ยนสี ช้ำ ราขึ้นรึเปล่า!
อย่าลืมทำความสะอาดเล็บ ให้สะอาดอยู่เสมอนะคะ

ที่มา http://sakid.com/

วิธีดับร้อน แบบง่ายๆ

1. หาไอติมกิน แนะนำว่าให้ไปกินตามห้างจะได้ประหยัดแอร์ที่บ้านด้วย
2. ถ้ายังไม่หายร้อนให้ไปหาน้ำแข็งใสกิน
3. เสื้อผ้าก็อย่าใส่สีเข้มอย่างสีดำเพราะจะทำให้รู้สึกร้อนมากกว่าเดิม
4. เลือกใส่เสื้อผ้าทำจากผ้าฝ้าย จะช่วยระบายอากาศและความร้อนได้ดี หรือถ้าอยู่บ้านจะใส่น้อยชิ้นก็ไม่มีใครว่า แต่ถอย่าแก้ผ้ามันน่ากลัว
5. ดื่มน้ำอย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวันหรือมากเท่าที่คุณจะดื่มได้ นอกจากไม่ร้อนแล้ว ยังดีต่อการขับถ่ายด้วย
6. ปิดม่านตอนกลางวัน และเปิดรับอากาศเย็นตอนกลางคืน ทางที่ดีไม่ควรอยู่บ้าน แต่ไปอยู่ห้างดีกว่า
7. อย่าไปวิ่งเล่นนอกบ้านตอนเที่ยง
8. ลดอาหารที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศและเลือกกินผักผลไม้ที่มีน้ำเยอะ เช่น แตงโม
9. กางร่ม สวมหมวกทุกครั้งที่ออกแดด
10. ความร้อนจะทำให้รู้สึกง่วง การงีบหลับสักพักจะช่วยให้กระปรี้กระเปร่า แต่ไม่ใช่นอนอืดทั้งวันนะ
11. พกกระปุกสเปรย์ใส่น้ำสะอาดติดตัวไว้ฉีดตามหน้า แขน ขา ช่วยดับร้อนและรู้สึกสดชื่นได้ดี
12. อาบน้ำให้ตัวเย็น จะได้ใจเย็นไปด้วย


ที่มา http://sakid.com/

สถานที่ท่องเที่ยวใน อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่




อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง
ข้อมูลทั่วไป : อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีสภาพป่าธรรมชาติที่สมบูรณ์ ภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน เป็นป่าต้นน้ำลำธาร มีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามและจุดชมวิวที่สามารถชมบรรยากาศอันร่มเย็นสวยงาม โดยเฉพาะบริเวณห้วยน้ำดังที่มีชื่อว่ามีทะเลหมอกที่งดงามยิ่ง เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศไปเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังมีเนื้อที่ประมาณ 179.5 ตารางกิโลเมตร หรือ 112,187.50 ไร่  อุทยานแห่งชาติแม่ปิงมีเนื้อที่ประมาณ 1,003 ตารางกิโลเมตร หรือ 626,875 ไร่ จัดเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 32 ของประเทศไทย
การเดินทาง : จากอำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ มาตามเส้นทางหลวงหมายเลข 107 และเข้าทางแยกซ้ายมือที่ตลาดแม่มาลัย (อำเภอแม่แตง) ไปตามทางหลวงหมายเลข 1095 (สายมาลัย-ปาย) จนถึงช่วงหลักกิโลเมตรที่ 65-66 มีทางแยกขวามือซึ่งมีป้อมยามตั้งอยู่ทางเข้าถึงบริเวณห้วยน้ำดัง ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร เป็นทางลูกรัง แล้วเดินทางต่อไปอีกระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ก็จะถึงจุดชมวิวดอยช้าง ถ้าเดินทางต่อไปอีกตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1095 จากหลักกิโลเมตรที่ 66 ไปยังอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถึงบ้านแม่ปิง จะมีทางแยกขวามือเป็นทางลูกรังของ รพช. หมายเลข มส. 11024 อันเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกจุดหนึ่ง





สถานที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก : อุทยานฯมีบ้านพักบริการ รวมทั้งสถานที่กางเต็นท์ ร้านอาหาร และศูนย์บริการนักท่องเที่ยว รายละเอียดติดต่อ อุทยานแห่งชาติห้วย น้ำดัง หมู่ที่ 5 ต.กี๊ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ 50300 โทร. 0 5347 1669 หรือ ส่วนอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ โทร. 0 2579 5734, 0 2561 4292-3 ต่อ 724,


ลักษณะภูมิประเทศ : สภาพภูมิประเทศ เป็นเทือกเขาและภูเขาสูงที่สลับซับซ้อนทอดตัวยาวตามแนวเหนือ-ใต้ และอยู่ในแนวเดียวกันกับเทือกเขาเชียงดาว ภูเขาต่างๆในพื้นที่มีความสูงชันตั้งแต่ 500-1,962 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีภูเขาที่สูงที่สุดคือ ดอยช้าง เป็นป่าต้นน้ำลำธาร มีลำห้วยใหญ่มากมาย ได้แก่ ห้วยแม่เย็นกลาง ห้วยแม่ฮี้ ห้วยแม่ปิง ห้วยแม่จอกหลวง ห้วยน้ำดัง เป็นต้น รวมกันไหลลงสู่แม่น้ำปาย แม่น้ำปิงน้อย แม่น้ำแตง
ลักษณะภูมิอากาศ : สภาพภูมิอากาศ แบ่งออกเป็น 3 ฤดู

     ฤดูฝน
ระหว่างเดือน พฤษภาคม-ตุลาคม
     ฤดูหนาว ระหว่างเดือน พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ จะมีอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 9 องศาเซลเซียส
     ฤดูร้อน ระหว่างเดือน มีนาคม-เมษายน จะมีอุณหภูมิสูงสุดประมาณ 34 องศาเซลเซียส
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า : สภาพป่าประกอบด้วยป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา ป่าเบญจพรรณ ป่าสนเขา มีพันธุ์ไม้ได้แก่ ไม้ตะเคียน ยาง จำปีป่า ยมหอม มะม่วงป่า ยมป่า เสลา คงคำ แดง ประดู่ ตะแบก ตีนนก งิ้วป่า สนสองใบ สนสามใบ ไม้ก่อต่างๆ เต็ง รัง เป็นต้น สัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ได้แก่ ช้างป่า กวาง เก้ง เลียงผา หมี เสือ หมูป่า ชะมด ลิง พังพอน เม่น ไก่ป่า ไก่ฟ้า และนกนานาชนิด อาทิเช่น นกเปล้า นกแก้ว นกขุนทอง นกขมิ้น นกปรอท และนกเหยี่ยว เป็นต้น
จุดเด่นที่น่าสนใจ :
จุดชมวิวบริเวณห้วยน้ำดัง (ดอยกิ่วลม) เป็นที่ตั้งของหน่วยพัฒนาต้นน้ำที่ 2 (ห้วยน้ำดัง) เป็นจุดชมวิวที่สวยงามมากที่สุดและมีชื่อเสียงมากในด้านการท่องเที่ยวที่จะชมทะเลหมอกในช่วงเช้าตรู่ และเป็นที่รู้จักของชาวไทยและชาวต่างประเทศ เพื่อคอยชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกอันกว้างใหญ่ในช่วงฤดูหนาว


จุดชมวิวดอยช้าง อยู่บนดอยช้างขึ้นไปทางเหนือของห้วยน้ำดัง มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,962 เมตร เห็นสภาพธรรมชาติของทิวเขาสลับซับซ้อน และทะเลหมอกในตอนเช้าตรู่


น้ำตกห้วยน้ำดัง  เป็นน้ำตกที่เกิดจากลำห้วยน้ำดัง มีโขดหินมากมาย มีความสูงประมาณ 50 เมตร กว้าง 10 เมตร เป็นน้ำตกที่สวยงามมากมีความสูง 3-4 ชั้น และสภาพโดยทั่วไปชุ่มชื้นไปด้วยพันธุ์ไม้ป่าดิบชื้น


โป่งร้อน  อยู่ในป่าสงวนแห่งชาติแม่ปายฝั่งซ้ายตอนบน ท้องที่ตำบลแม่ฮี้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เส้นทางเข้าโป่งร้อนเป็นทางลูกรัง โดยแยกเข้าทางบ้านแม่ปิง ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร สภาพธรรมชาติของโป่งร้อนเป็นบ่อน้ำร้อนเปรียบเสมือนน้ำกำลังเดือดขึ้นเป็นฟอง และมีหมอกควันปกคลุมพื้นที่พร้อมทั้งมีน้ำร้อนไหลเรื่อยๆทั่วบริเวณกว้าง บ่อน้ำร้อนแห่งนี้มีบ่อใหญ่ 2 บ่อ นอกนั้นมีลักษณะเป็นน้ำผุดบางจุด และรอบๆโป่งร้อนเป็นต้นสักที่สมบูรณ์มาก ความร้อนของน้ำประมาณ 80 องศาเซลเซียส



น้ำตกแม่เย็น  เป็นน้ำตกที่เกิดจากลำห้วยแม่เย็นหลวง ซึ่งจะไหลลงมาสู่แม่น้ำปายต่อไป สภาพน้ำตกเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีน้ำไหลตลอดปี



โป่งเดือดป่าแป๋

          อยู่ในท้องที่อำเภอแม่แตง ห่างจากเชียงใหม่ประมาณ 40 กิโลเมตร เป็นน้ำร้อนที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินสูงเกือบ 4 เมตร นับว่าเป็นน้ำพุร้อนที่ใหญ่และสูงที่สุดในประเทศ รอบๆ บริเวณซึ่งเป็นป่าทึบจะอบอวลไปด้วยกลิ่นกำมะถัน การเดินทาง ใช้ถนนสายแม่มาลัย-ปาย ไปประมาณ 35 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้าไปอีกประมาณ 6.5 กิโลเมตร เป็นทางลูกรัง สภาพยังไม่ดีนัก




น้ำตกหมอกฟ้า

          อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เดินทางไปตามถนนสายแม่มาลัย-ปาย กิโลเมตรที่ ๑๙ แยกซ้ายเข้าไปเป็นทางลูกรังอีกประมาณ ๒ กิโลเมตรจึงจะถึงน้ำตก เป็นน้ำตกชั้นเดียวที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่มีน้ำไหลตลอดทั้งปีและมีบรรยากาศร่มรื่นเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ ในตอนเช้าจะมีแสงแดดส่องถึงลงมาสะท้อนกับสายน้ำสีขาวทำให้เกิดเป็นรุ้งประกายสวยงามมาก ที่หน้าผาจะมีมอส เฟิร์นเกาะสีเขียวชื้น และหากมาในช่วงฤดูหนาวใบไม้ร่วง จะให้บรรยากาศที่ดีไปอีกแบบ





จากถนนหลักเข้าไปประมาณ ๒ กิโลเมตร เป็นทางลูกรังสลับคอนกรีต จากที่จอดรถเดินถึงตัวน้ำตกประมาณ ๓๐๐ เมตร และบริเวณริมน้ำตกมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติประมาณ ๔๐๐ เมตร และที่หน่วยฯ มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่ออกแบบได้กลมกลืนกับพื้นที่และสวยสบาย ๆ มีบ้านพัก ๔ หลัง และมีเต็นท์ให้เช่า ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ คนละ ๒๐ บาท ผู้ที่เดินทางมาเองสามารถโดยสารรถสองแถวสายแม่มาลัย-สบเปิง


ป่าสนบ้านวัดจันทร์

 


          ผืนดินแห่งนี้ชาวกะเหรี่ยง มูเส่คี (หมายถึง ต้นน้ำแม่แจ่ม) ได้พึ่งพาอาศัยดำรงชีวิตมานับร้อยปี พวกเขาช่วยกันดูแลรักษาผืนดินผืนป่าแห่งนี้อย่างดีเหมือนเป็นสามชิกครอบครัวเลยก็ว่าได้ ตามธรรมเนียมกะเหรี่ยงเมื่อมีเด็กเกิดใหม่จะนำสายสะดือของเด็กไปผูกไว้กับต้นไม้กำหนดว่าเป็นต้นไม้ของครอบครัวใครจะมาตัดไม่ได้


          สนที่ขึ้นที่นี่เป็นสนเขาทั้งสนสองใบและสามใบที่จะขึ้นเฉพาะในที่สูง 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลางขึ้นไป ยางสนนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น นำไปใช้กับเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายเป็นตัวช่วยให้ฝืดหรือนำไปสกัดเป็นน้ำมันสนที่ใช้ผสมกับสีน้ำมันช่วยให้สีแห้งเร็ว แต่เพื่อเป็นการรักษาสมดุลของป่าที่นี่จึงไม่มีการทำยางสน ชาวบ้านได้รับการส่งเสริมจากโครงการหลวงให้เลี้ยงไก่เบสซึ่งเป็นไก่เนื้อพันธุ์ดีกิโลกรัมละหลายร้อยบาท

การเดินทาง



          มีหลายเส้นทางให้เลือกแต่ไม่ว่าจะใช้ทางใดก็ต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น หากมาในช่วงฤดูหนาว จะพบใบไม้เปลี่ยนสีในป่าสองข้างทาง เส้นทางที่สะดวกที่สุดคือ ทางหลวงหมายเลข 1095 สายแม่มาลัย-ปาย สามารถเข้าได้สองทางซึ่งทั้งสองเส้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางลูกรังอีกประมาณ 40 กิโลเมตร คือ 1) ตามป้ายทางหลวง ประมาณ 80 กิโลเมตร จากแม่มาลัย หรือ 2) ทางเข้าตรงวัดพระธาตุ อยู่ถัดจากวัดพระธาตุมาประมาณ 500 เมตรแยกซ้ายเข้าตรงโค้งเล็ก ๆ แยกเข้าเส้นทาง จอมแจ้ง - บ้านเมืองแร่ บ้านบ่อแร่ รวมระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรเส้นทางอื่น ๆ คือ สายสะเมิง-วัดจันทร์-บ้านบ่อแก้ว-บ้านดงสามหมื่น 165 เป็นทางลูกรังเช่นกันระยะทาง 80 กิโลเมตร รวมระยะทางประมาณ 155 กิโลเมตร อีกสองเส้นทางที่ลำบากกว่าสองทางแรกคือ อำเภอแม่แจ่ม-บ้านวัดจันทร์ และ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน-บ้านวัดจันทร์ เส้นทางหลังจะมีความงามมากหรือสามารถโดยสารรถประจำทางได้เป็นรถสองแถวสีเหลือง คิวรถบ้านวัดจันทร์อยู่ที่ถนนช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ รถออกทุกวัน เวลา 09.00 และ 11.10 น. ค่าโดยสาร 120 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง รถจะวิ่งเส้นสะเมิง



         


          

ระบบสุริยะจักรวาล

โลก (Earth)  
              โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์เป็นวงโคจรซึ่งใช้เวลา 365.25 วัน  เพื่อให้ครบ 1 รอบ ปฏิทินแต่ละปีมี 365 วัน ซึ่งหมายความว่าจะมี 1/4 ของวันที่เหลือในแต่ละปี ซึ่งทุกๆปีสี่ปีจะมีวันพิเศษ คือจะมี 366 วัน กล่าวคือเดือนกุมภาพันธ์จะมี 29 วัน แทนที่จะมี 28 วันเหมือนปกติ ตามที่เคปเลอร์ค้นพบวงโคจรของโลกไม่เป็นวงกลม ในเดือนธันวาคมมันจะอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าเดือนมิถุนายน ซึ่งมันจะอยู่ห่างไกลจากดวงอาทิตย์มากที่สุด โลกจะเอียงไปตามเส้นแกน ในเดือนมิถุนายน ซีกโลกเหนือจะเอียงไปทางดวงอาทิตย์ดังนั้น ซีกโลกเหนือจะเป็นฤดูร้อนและซีกโลกใต้จะเป็นฤดูหนาว ในเดือนธันวาคมจะเอียงจากดวงอาทิตย์ ทำให้ซีกโลกเหนือเป็นฤดูหนาวและซีกโลกใต้เป็นฤดูร้อน ในเดือนมีนาคมและกันยายน ซีกโลกทั้งสองไม่เอียงไปยังดวงอาทิตย์ กลางวันและกลางคืนจึงมีความยาวเท่ากัน ในเดือนมีนาคม ซีกโลกเหนือจะเป็นฤดูใบไม้ผลิ และซีกโลกใต้เป็นฤดูใบไม้ร่วง ในเดือนกันยายน สถานการณ์จะกลับกัน
               
โลกมีอายุประมาณ 4,700 ปี   โลกไม่ได้มีรูปร่างกลมโดยสิ้นเชิง เส้นรอบวงที่เส้นศูนย์สูตรยาว 40,077 กิโลเมตร (24,903 ไมล์)และที่ขั้วโลกยาว 40,009 กิโลเมตร (24,861 ไมล์) 


              ดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ จะมีฤดูกาลเป็นของตนเองและระยะของการโคจร ความยาวของปีดาวเคราะห์เป็นเวลาที่มันหมุนรอบดวงอาทิตย์หนึ่งรอบ ถ้าคุณอยู่บนดาวพุธ ปีของคุณจะมีเพียง 88 วันของโลก บนดาวพลูโต ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่นอกสุดหนึ่งปีจะเท่ากับ 248 วันบนโลก



ดวงจันทร์               
               ดวงจันทร์เป็นบริวารของโลก โคจรรอบโลกทุกๆ 27 วัน 8 ชั่งโมง และขณะเดียวกันก็หมุนรอบแกนตัวเองได้ครบหนึ่งรอบพอดีด้วย ทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์ด้านเดียว ไม่ว่าจะมองจากส่วนไหนของโลก ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง มนุษย์เพิ่งจะได้เห็นภาพ เมื่อสามารถส่งยานอวกาศไปในอวกาศได้ บนพื้นผิวดวงจันทร์ร้อนมากในบริเวณที่ถูกแสงอาทิตย์ และเย็นจัดในบริเวณเงามืด ที่พื้นผิวของดวงจันทร์มีปล่องหลุมมากมาย เป็นหมื่นๆหลุม ตั้งแต่หลุมเล็กไปจนถึงหลุมใหญ่มีภูเขาไฟและทะเลทรายแห้งแล้ง 
               ดวงจันทร์เป็นดวงดาวใหญ่ที่สุด  และสว่างที่สุดในท้องฟ้ากลางคืน  ดวงจันทร์ส่องแสง  แต่แสงที่ส่องนั้นมิได้เปล่งออกมาจากดวงจันทร์เอง  ดวงจันทร์เมื่อได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ก็จะสะท้อนแสงนั้นออกมา  ดวงจันทร์อยู่ใกล้โลกมากที่สุด  แต่ก็ยังเป็นระยะทางไกลมากคือ  ระยะสิบเท่าของเส้นรอบโลกยังสั้นกว่าระยะทางจากโลกไปดวงจันทร์



ดวงอาทิตย์ (The Sun)
              ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ศูนย์กลางของระบบสุริยะ เนื้อสารส่วนใหญ่ของระบบสุริยะอยู่ที่ดวงอาทิตย์ คือ มีมากถึง 99.87% เป็นมวลสารดาวเคราะห์รวมกันอย่างน้อยกว่า 0.13% ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ขนาดเล็ก เมื่อเทียบกับดาวฤกษ์อื่น ๆ บนฟ้า แต่เป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้โลกที่สุด จึงปรากฏเป็นวงกลมโต บนฟ้าของโลกเพียงดวงเดียว ดาวฤกษ์อื่นปรากฎเป็นจุดสว่าง เพราะอยู่ไกลมาก ขนาดที่





ดาวพุธ  (Mercury)
            ดาวพุธเป็นดาวเคราะห์อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดดังนั้นดาวพุธจึงร้อนจัดในเวลากลางวันและเย็นจัดในเวลากลางคืนดาวพุธเป็นดาวเคราะห์ดวงเล็กโตกว่าดวงจันทร์ของเราเพียงเล็กน้อย ภาพถ่ายทั้งหลายที่เกี่ยวกับดาวพุธได้จากยานอวกาศที่ส่งขึ้นไปขณะเข้าไปใกล้ดาวพุธที่สุดก็จะถ่ายภาพส่งมายังโลก ทำให้รู้ว่าพื้นผิวดาวพุธคล้ายกับผิวดวงจันทร์ ผิวดาวพุธส่วนใหญ่เป็นฝุ่นและหิน มีหลุมลึกมากมาย ไม่มีอากาศ ไม่มีน้ำ ดาวพุธจึงเป็นดาวแห้งแล้ง ดาวแห่งความตายเป็นโลกแห่งทะเลทราย





ดาวศุกร์ (Venus)   
           ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์ที่ร้อนที่สุดในระบบสุริยะ บนดาวศุกร์ร้อนถึง 480 องศาเซลเซียส ความร้อนขนาดนี้มากจนทำให้ของทุกอย่างลุกแดงดาวศุกร์มีไอหมอกของกรดกำมะถันปกคลุมอย่างหนาแน่น ไอหมอกนี้ไม่มีวันจางหายแม้ว่าแสงอาทิตย์จะจัดจ้าเพียงไร จึงเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะไปเยี่ยมดาวศุกร์ เพราะพอไปถึงเขาจะถูกย่างจนสุกด้วยความร้อนและถูกผลักดันด้วยแรงลม เขาจะหายใจไม่ออกเพราะอากาศหนาหนักที่กดทับตัวนั้นเป็นอากาศพิษจากหมอกควันของกรดอากาศบนดาวศุกร์ประกอบด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งมีมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศโลกกว่า60เท่าผิวดาวศุกร์แห้งแล้ง เป็นหินและร้อนจัดนอกจากนี้ก็มีรอยแยกลึกและภูเขาไฟดับ





ดาวอังคาร (Mars)  
              ดาวอังคารบางทีก็เรียกกันว่าดาวแดงเพราะผิวพื้นเป็นหินสีแดง หินบนดาวอังคารที่มีสีแดงก็เพราะเกิดสนิมท้องฟ้าของดาวอังคารเป็นสีชมพูเพราะฝุ่นจากหินแดงที่ว่านี้   ผิวของดาวอังคารเหมือนกับทะเลหินแดง มีก้องหินใหญ่และหลุมลึก ภูเขาสูง หุบ เหว และเนินมากมาย หนึ่งปีบนดาวอังคารเกือบเทาสองปีโลก แต่หนึ่งวันบนดาวอังคารจะนานกว่าครึ่งชั่งโมงโลกเพียงเล็กน้อยดาวอังคารมีอากาศห่อหุ้มอยู่ไม่มากและเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลมพัดแรงจัดทำให้ฝุ่นฟุ้ง ไปทั้งดวงดาว ดาวอังคารมีขนาดโตประมาณครึ่งหนึ่งของโลก ดาวอังคารอยู่ไกลดวงอาทิตย์มากกว่าโลกจึงทำให้มีบรรยากาศหนาวเย็น อุณหภูมิบนดาวดวงนี้จะต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง





ดาวพฤหัสบดี (Jupiter)  
             ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเคราะห์ยักษ์ เพราะมีขนาดใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวกว่าโลก 11.2 เท่า นอกจากนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นดาวเคราะห์ก๊าซ เพราะมีองค์ประกอบเป็นก๊าซไฮโดรเจนและฮีเลียมคล้ายในดวงอาทิตย์ ความหนาแน่นของดาวพฤหัสบดีจึงต่ำ (1.33 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร) เมื่อดูในกล้องโทรทรรศน์ จะเห็นเป็นดวงกลมโตกว่าดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ พร้อมสังเกตเห็นบริวาร 4 ดวงใหญ่เรียงกันอยู่ในแนวเส้นศูนย์สูตรด้วย กาลิเลโอเป็นนักดาราศาสตร์คนแรกที่ใช้กล้องส่องพบบริวารสี่ดวงใหญ่นี้ จึงได้รับเกียรติว่าเป็นดวงจันทร์ของกาลิเลโอ




              ความเป็นที่สุดของดาวพฤหัสบดี ใหญ่ที่สุดในบรรดาดาวเคราะห์ทั้งหลาย โดยมีเส้นผ่านศุนย์กลางเป็น 11.2 เท่าของโลก ขนาดเชิงมุมใหญ่ที่สุดเท่ากับ 50.0 ฟิลิปดา มีมวลสารมากที่สุดโดยมีเนื้อสารเป็น 318 เท่าของโลก หรือ 2.5 เท่าของดาวเคราะห์อื่นและบริวารรวมกัน มีปริมาตรมากที่สุด ถ้าดาวพฤหัสบดีกลวงจะสามารถจุโลกได้ 1,430 โลก หมุนรอบตัวเองเร็วที่สุด โดยใช้เวลาไม่ถึง 10 ชั่วโมงในการ หมุนรอบตัวเอง 1 รอบ ดังนั้น 1 วันบนดาวพฤหัสบดีจึงสั้นที่สุดด้วย


ดาวเสาร์ (Saturn)  
             ดาวเสาร์เป็นดาวเคราะห์ที่มีความสวยงาม จากวงแหวนที่ล้อมรอบ เมื่อดูในกล้องโทรทรรศน์จะเห็นวงแหวน ซึ่งทำให้ดาวเสาร์มีลักษณะแปลกกว่าดาวดวงอื่นๆ ดาวเสาร์มีองค์ประกอบคล้ายดาวพฤหัสบดี เป็นดาวเคราะห์ก๊าซที่มีลมพายุพัดแรงความเร็วถึง 1,125 ไมล์ต่อชั่วโมง มีขนาดใหญ่รองจากดาวพฤหัสบดี ถ้านับวงแหวนเข้าไปด้วย จะมีขนาดเท่าดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์เป็นดาวเคราะห์ที่มีความหนาแน่นน้อยที่สุด กล่าวคือมีความหนาแน่นเพียง 0.7 กรัมต่อลูกบาศก์ เซนติเมตร ซึ่งน้อยกว่าความหนาแน่นของน้ำ ดังนั้นหากมีน้ำจำนวนมากรองรับ ดาวเสาร์ก็จะลอยน้ำได้ เนื่องจากดาวเสาร์อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 2 เท่าของระยะดาวพฤหัสบดีจากดวงอาทิตย์ จึงใช้เวลานานเกือบ 30 ปีในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ แต่ดาวเสาร์หมุนรอบตัวเองเร็วมาก จึงทำให้โป่งออกทางด้านข้างมากกว่าดาวเคราะห์ดวงอื่น สามารถสังเกตได้แม้ในภาพถ่ายขนาดเล็ก



             วงแหวนของดาวเสาร์เป็นก้อนหินและน้ำแข็งสกปรก กล่าวคือ น้ำแข็งช่วยยึดฝุ่นและก้อนหินสกปรกเข้าด้วยกัน ก้อนน้ำแข็งสกปรกมีขนาดต่างๆ กัน และมีเป็นจำนวนมาก น้ำแข็งสะท้อนแสงดวงอาทิตย์ได้ดี เราจึงเห็นวงแหวนชัดเจน วงแหวนบางมาก และประกอบด้วยวงแหวนจำนวนหลายพันวง แต่สังเกตได้จากโลกเห็นเป็นชั้นๆ ชั้นนอกสุด เรียกว่า วงแหวน A วงสว่างที่สุดอยู่ใกล้ดาวเสาร์เรียกว่า วงแหวน B ช่องว่างระหว่างวงแหวนทั้งสองนี้เรียกว่า ช่องแคสสินี  


 
ดาวยูเรนัส (Uranus)  
              ดาวเคราะห์ชั้นนอกดวงต่อไปถัดจากดาวเสาร์ได้แก่ดาวยูเรนัส ดาวยูเรนัสเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่เป็นที่สามในระบบสุริยะ มันมีลักษณะเรือนลาง จะต้องมองดูด้วยกล้องโทรทัศน์เท่านั้นจึงสามารถมองเห็น เราเคยคิดว่ามันเป็นดาวฤกษ์ ในปี 1781 William Herschel ได้ใช้กล้องโทรทัศน์ค้นพบว่า ดาวยูเรนัสเป็นดาวเคราะห์ เขาเห็นแผ่นกลมสีเขียวที่ไม่มีรอย ต่อมา นักดาราศาสตร์ได้พบดาวบริวารห้าดวง ในปี 1977 ได้มีการพบวงแหวนของดาวยูเรนัส ถึงแม้ว่านักดาราศาสตร์จะใช้กล้องโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่สุด แต่เขาก็ยังไม่สามารถค้นหาอะไรได้มากมายนักเกี่ยวกับดาวยูเรนัสเอง ในปี 1986 ยานอวกาศวอยาเจอร์ 2 ได้บินผ่านดาวยูเรนัสและได้ส่งภาพที่ชัดเจนของดาวยูเรนัส และวงแหวนตลอดจนดาวบริวารของมันกลับมายังพื้นโลก ในที่สุดเราก็ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับดาวยูเรนัส
โลกของน้ำ
              
ภาพของดาวยูเรนัสจากยานอวกาศได้อธิบายว่า ทำไมนักดาราศาสตร์จึงไม่สามารถมองเห็นดาวยูเรนัสได้มากนัก ดาวยูเรนัสทั้งดวงปกคลุมด้วยหมอกสีเขียวแก่ ยานวอยาเจอร์ได้พบกลุ่มควันสองสามกลุ่มใต้หมอก แสดงให้เห็นว่าลมกำลังพัดรอบๆดาวยูเรนัสในอัตราความเร็วถึง 440 ไมล์ต่อชั่วโมง บรรยากาศประกอบด้วยแก๊สไฮโดรเจน ฮีเลียม และมีเธน นักดาราศาสตร์บางคนคิดว่าพื้นผิวของดาวยูเรนัสปกคลุมด้วยมหาสมุทรที่ร้อน เหมือนกับดาว จูปิเตอร์และดาวเสาร์ แต่ประกอบด้วยน้ำร้อนแทนที่จะเป็นแก๊ส ที่ใจกลางของดาวยูเรนัสจะมีแกนก้อนหินเล็กๆ




ดาวเนปจูน (Neptune)  
             เมื่อดาวยูเรนัสถูกค้นพบ คนได้วันเส้นทางของมันผ่านอวกาศ การหมุนรอบของดาวยูเรนัสมีลักษณะผิดปกติบางคนคิดว่าจะต้องมีดาวเคราะห์ดวงใหญ่อีกดวงหนึ่ง ดาวเคราะห์ที่ไม่เป็นที่รู้จักอาจอยู่ถัดจากดาวยูเรนัส แรงโน้มถ่วงของมันอาจจะดึงไปที่ดาวยูเรนัสจึงทำให้การหมุนของมันเปลี่ยนแปลง ในปี 1845 นักดาราศาสตร์สองคนที่ทำงานคนละที่ในอังกฤษและฝรั่งเศสรู้ว่าดาวเคราะห์ดวงใหม่อยู่ที่ใหน ทั้งสองมีความเห็นตรงกัน คนอื่นๆก็เริ่มลงมือศึกษาดาวเคราะห์ดวงใหม่นี้ ในปี 1846 ชาวเยอรมันชื่อ Johann Galle ได้พบโลกใหม่ด้วยกล้องโทรทัศน์ขนาดใหญ่ มันอยู่ในตำแหน่งที่นักดาราศาสตร์คนอื่นได้ระบุไว้ก่อนแล้ว ดาวเคราะห์ดวงใหม่มีสีน้ำเงินมีชื่อว่าดาวเนปจูนตามชื่อเทพเจ้าแห่งทะเลโรมัน
             ดาวเนปจูนโตเกือบเท่าดาวยูเรนัส มันเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ในระบบสุริยะ มันอยู่ห่างไกลจากโลกมาก จึงทำให้มองเห็นสลัวมาก ดาวเนปจูนสามารถมองเห็นได้ด้วยกล้องสองตา มันดูคล้ายกับดาวฤกษ์ ยังไม่มียานอวกาศที่เคยไปยังดาวเนปจูน สิ่งที่เรารู้ทั้งหมดก็คือ ดาวเคราะห์ดวงนี้มองเห็นจากโลก






ดาวพลูโต (Pluto)  
             เมื่อมีการค้นพบดาวเนปจูน ได้ประมาณขนาดและการหมุนรอบของมัน แต่ผลที่ออกมาไม่ได้เป็นไปตามที่คาดคิด ผลที่ได้ไม่สามารถอธิบายการหมุนที่ผิดปกติของดาวยูเรนัส บางทีอาจมีดาวเคราะห์อีกดวงที่อยู่ถัดจากดาวเนปจูน บางทีอาจเป็นแรงโน้มถ่วงของดาวเคราะห์ดวงนี้ดึงดูดดาวยูเรนัส ได้มีการเริ่มค้นหาดาวเคราะห์ดวงที่เก้าในระบบสุริยะ ดาวเคราะห์ดวงใหม่นี้ถูกค้นพบในปี 1930 ชาวอเมริกันชื่อ Clyde Tombaugh ได้ถ่ายภาพของมันบนท้องฟ้า ดาวเคราะห์ดวงนี้มีชื่อว่าดาวพลูโต สามารถมองเห็นได้โดยการใช้กล้องโทรทัศน์ขนาดใหญ่เท่านั้น
               เวลาส่วนใหญ่แล้วดาวพลูโตจะเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างไกลดวงอาทิตย์มากที่สุด ในระหว่างการหมุนบางช่วงจะใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าดาวเนปจูน และอยู่ห่างไกลที่สุดในปี 1999 ดาวพลูโตเป็นดาวขนาดเล็ก โดยมีขนาดเล็กกว่าดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ และยังเล็กกว่าดวงจันทร์ของโลก บนดาวมีความหนาวเย็นมากและอาจไม่มีชั้นบรรยากาศ พื้นผิวของมันอาจปกคลุมด้วยน้ำแข็งหรือก๊าซของแข็ง เราคิดว่าดาวพลูโตประกอบขึ้นด้วยน้ำแข็งโดยมีแกนเป็นหิน ลักษณะอาจจะเหมือนดาวบริวารของดาวยูเรนัส บางทีครั้งหนึ่ง ดาวพลูโตอาจเคยเป็นดาวบริวารของดาวเนปจูนซึ่งหนีการหมุนรอบดาวเนปจูน


ขอขอบคุณ